น้ำพลังแม่เหล็ก (Conception of Magmetized Water )

หนังสือ Water for Life (บทที่ 10) ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน
อดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักวิจัยดีเด่น สภาวิจัยแห่งชาติ และปลัดกระทรวงสาธารณสุข
แนวความคิดเรื่องน้ำพลังแม่เหล็ก (Conception of Magmetized Water )
ในทางทฤษฎีน้ำพลังแม่เหล็ก หมายถึงน้ำที่ได้รับผลกระทบทางฟิสิกส์จากพลังงาน
แม่เหล็ก เกิดการปรับตัวของโครงสร้างโมเลกุลของน้ำขึ้นใหม่ โดยการจับกลุ่มที่มีขนาดเล็กลง คือ จากเคยมีถึง 30 โมเลกุลต่อกลุ่ม แตกออกมาเป็น 6 โมเลกุลของน้ำ ( H2O) ต่อ 1 กลุ่มเท่านั้น
น้ำที่มีโมเลกุลเล็ก อันเกิดจากอิทธิพลของคลื่นแม่เหล็กนี้ จะมีคุณสมบัติของน้ำที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีความเข้าใจที่ผิด ๆ ว่า น้ำจะมีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก ( Magnetic Water ) ได้ เมื่อถูกนำไปอาบในสนามแม่เหล็กแรง ๆ ( Strong Magnetic Field ) น้ำจะไม่สามารถเป็นแม่เหล็กและไม่อาจมีคุณสมบัติของแม่เหล็ก( Viscosity ) เพราะน้ำไม่มีโลหะเหล็กอยู่ในองค์ประกอบ
ในอดีต ใครก็ตาม ถ้าพูดถึงน้ำพลังแม่เหล็ก ( Magnetized Water ) ถือว่าเป็นคนมีอาชีพหลอกลวง ( Quackery )
ความรู้เรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำที่ได้รับพลังแม่เหล็ก (Magnetized Water ) กว่าจะเป็นที่ยอมรับฟังในสังคม นักวิทยาศาสตร์ได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน อย่างนั้นแพทย์ส่วนใหญ่ก็ยังมองว่า การใช้คุณสมบัติของแม่เหล็ก ( Magnetism) เพื่อการรักษาโรคเป็นเรื่องที่หลอกลวง ( Quackery ) เป็นเรื่องไม่จริง
จุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมยอมรับเรื่องพลังแม่เหล็ก คือ รางวัลโนเบลทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 2003 ในผลงานการคิดค้นเครื่องถ่าย(สร้าง) ภาพ MRI (Magnetic Resonance Image )
คณะกรรมการโนเบล ได้มอบ The 2003 Nobel Prize in Medicine ( รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ พ.ศ. 2546 ให้ ท่านเซอร์ ปีเตอร์ แมนฟิว นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม โดยเป็นรางวัลร่วมกับ ดร.พอล ลอเทอเบอ นักเคมีชาวอเมริกัน จากมหาวิทยาลัยอินลินอยสำหรับการคันพบวิธีสร้างภาพในโมเลกุลน้ำอันเกิดจาก คลื่นแม่เหล็กเป็นหลักทำให้นำไปประดิษฐ์เครื่องมือใช้สำหรับตรวจโรคที่ดียอด เยี่ยมทางการแพทย์ ชื่อ เอ็ม อาร์ ไอ (MRI – Magnetic Resonance Image) ซึ่งมีประโยชน์มากกว่า เครื่องเอกซเรย์ ( X – Ray ) และเครื่องถ่ายภาพ ซี ที สแกน ( CT Scanner)
การที่คณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 2003 ยอมรับว่า พลังแม่เหล็กเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์โดยการสั่น สะเทือนของโมเลกุลไฮโดรเจนในน้ำที่ได้รับคลื่นแม่เหล็ก จึงเป็นจุดเปลี่ยน ( Turning Point ) ทางด้านความคิดที่สำคัญต่อกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เคยคัดค้าน ที่มาของพลังแม่เหล็ก (Magnetic Energy )
1) น้ำที่อยู่ตามธรรมชาติ จะได้รับพลังงานแม่เหล็ก รวม 3 ทางคือ
1.1 Material Magnetism เป็นเส้นแรงแม่เหล็กจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ สนามแม่เหล็กนี้คลุมโลกไว้ทั้งใบ
1.2 Gravitational Magnetism หมายถึงแรงดึงดูดของโลก
1.3 PlanetaryMagnetismคือพลังแม่เหล็กของจักรวาลซึ่งแรงที่สุดเพราะเห็นได้จาก
สามารถยึดดาวต่างๆให้อยู่ในระเบียบถ้าไม่มีพลังนี้ดึงไว้โลกคงจะหมุนกระเด็นออกไปจากวงโคจรของสุริยจักรวาล
2)น้ำจากเครื่องกรองน้ำเครื่องกรองน้ำประเภทที่มีพลังแม่เหล็กที่มีชื่อ เสียงส่วนใหญ่ นอกจากมีตัวกรอง (Filter) แล้ว เช่น ไส้กรองเซรามิค ไส้กรองคาร์บอน แบบต่าง ๆ แล้ว จะต้องมีแท่งแม่เหล็ก (MagneticDisc)ใส่ไว้ด้วยเครื่องกรองน้ำประเภทนี้บางชนิดอาจจะมีแม่เหล็กไว้ บริเวณท่อน้ำไหลออก หรือก๊อกน้ำ และบางชนิดอาจมีลักษณะเป็นก้อนกลมตรงกลางเป็นรูกลวงเหมือนขนมโดนัท วางอยู่ใต้ฐานเครื่อง บริษัทผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำใช้ชิ้นแม่เหล็กความแรงประมาณ 4, 000 Gausses แต่ถ้าใช้ขนาด 10, 000 Gausses จะทำให้น้ำที่เพียงไหลผ่านก็ได้รับพลังงานกลายเป็น Magnetized Water (น้ำที่ได้รับพลังแม่เหล็ก) หรือถ้าเรียกอย่างถูกต้องก็คือ Magnetic Treatment Water

คุณสมบัติของน้ำที่ได้รับพลังแม่เหล็กจากสนามแม่เหล็ก ประกอบด้วย

ประโยชน์ของน้ำพลังแม่เหล็ก (MagneticTreatmentWater )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น